“พี่ครับ…มันใช้งานยากไหมครับ?”
เขาถามพร้อมมองเจ้าเอฟเฟคกล่องดำตรงหน้า — Audota AME 200 Pro
G ไม่ตอบทันที แต่หยิบหูฟังขึ้นมา เสียบสาย แล้วกดปุ่ม A
“ลองฟังเสียงนี้ดู แล้วเดี๋ยวพี่สอน”
.
คือเอฟเฟคก้อนแรกที่ G ใช้จนถึงวันนี้
และมันใช้งานง่ายกว่าที่คุณคิดเยอะ
“เสียงที่ฟังเมื่อกี้คือพรีเซ็ต A ใช่ไหมครับ?”
“ใช่…มันตั้งไว้ว่า ‘Deluxe Clean’ ถ้าอยากเปลี่ยนเป็นเสียงแตก ก็แค่กด B”
G กดปุ่ม B — เสียงแตกแบบ British-Drive ค่อย ๆ เติมเต็มในหู
“โอ้โห…แค่กดปุ่มเองเหรอพี่?”
“ใช่เลย และถ้าอยากปรับเสียงเอง ก็กดปุ่ม Play เข้าไป แล้วหมุนปุ่มตรงนี้…”
G หมุน Edit Knob ทีละนิด พร้อมอธิบายต่อ
“อยากใส่ Delay ก็หมุนไปหาบล็อกที่มีเครื่องหมาย + แล้วกดเลือก”
“ถ้าอยากเปลี่ยนลำดับบล็อกก็…กดค้างแล้วหมุน ย้ายเอฟเฟคไปหน้า-หลังได้เลย”
เด็กหนุ่มจ้องหน้าจออย่างตั้งใจ
“มันต่ออัดเสียงได้ไหมครับ?”
G พยักหน้า
“ต่อ USB เข้ามือถือก็ได้เลย — ใช้เป็น Audio Interface ได้เต็มตัว”
“แล้วต้องต่อไฟตลอดไหม?”
“ไม่ต้อง…มีแบตในตัว เล่นได้ 6-7 ชั่วโมงเลย”
เขานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนพูดเบา ๆ ว่า…
“ผมคิดว่า…นี่น่าจะเป็นก้อนแรกของผมครับ”
.
G ยิ้มเบา ๆ แล้วชี้ไปที่ปุ่มพิเศษที่อยู่ริมขวา
“อ้อ…แล้วปุ่มนี้คือ Magic Button ของรุ่น Pro นะ”
“จะตั้งให้เปิด/ปิดเอฟเฟคเฉพาะตัวก็ได้ หรือสลับตู้แอมป์ระหว่างท่อนเพลงก็ได้”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเบา ๆ
“แบบพอถึงท่อนฮุก…แล้วเสียงแอมป์เปลี่ยนเลยเหรอครับ?”
“ใช่เลย…เสียงเดียวกันก็เล่าเรื่องได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับคนเล่น”
.
แล้วเขาก็ถามต่อ…
“พี่…แล้วถ้าเพื่อนผมอยากได้บ้างล่ะ?
ซื้อผ่าน Lazada ได้เลยไหมครับ?”
G พยักหน้า
“ได้เลยครับ พี่เลือกพิกัดที่ไว้ใจได้ให้แล้ว
ร้านนั้นของแท้ ส่งตรง ไม่หลอกมือใหม่แน่นอน”
เขาทำท่าจะหยิบมือถือขึ้นมา G เลยพูดปิดท้ายว่า…
“ลองให้เพื่อนฟังเสียงมันดู…แล้วค่อยถามตัวเองว่า
เสียงแบบนี้…มันเหมาะกับใครที่สุด”
.
(มีทั้งรุ่นธรรมดา และรุ่น Pro ให้ลองเทียบ)
























































